| เมื่อนั้น |
ทศเศียรสุริย์วงศ์ยักษี |
ยิ้มแล้วจึ่งตอบวาที
|
เจ้าพี่อย่าประหวั่นพรั่นใจ |
| เราก็ทรงศักดาวราฤทธิ์ |
ทศทิศไม่รอต่อได้ |
| ทำไมแก่มนุษย์เท่าตัวไร |
กับอ้ายลิงไพรพนาวัน |
| จะใช้แต่ทหารไปราญรอน |
ฟันฟอนให้สิ้นทัพขันธ์ |
| เลือดเนื้อจะเป็นเหยื่อกุมภัณฑ์ |
เคี้ยวเสียไม่ทันพริบตา |
| บัดนั้น |
ฝ่ายหมู่วานรถ้วนหน้า |
| เป็นพยับอับแสงสุริยา |
มืดทั่วโลกาธาตรี |
| เป็นมหามหัศอัศจรรย์ |
เรียกร้องหากันอึงมี่ |
| บ้างวิ่งบ้างคลานไม่สมประดี |
กระบี่อลวนวุ่นวาย |
| เมื่อนั้น |
พระตรีภพลบโลกทั้งหลาย |
| เสด็จเหนือแท่นแก้วแพรวพราย |
พร้อมหมู่นิกายโยธา |
| เห็นมืดกลุ้มชอุ่มอัมพร |
บดบังทินกรในเวหา |
| วานรอื้ออึงเป็นโกลา |
ผ่านฟ้ารำพึงคะนึงคิด |
| อัศจรรย์นี้เหมือนครั้งพิราพ |
อันหยาบช้าสาธารณ์ทุจริต |
| หรือจะเป็นเล่ห์กลปัจจามิตร |
ประหลาดจิตเป็นพ้นพันทวี |
| จึ่งมีพระราชบัญชา |
ถามพระยาพิเภกยักษี |
| ไฉนมามืดดั่งราตรี |
เหตุนี้จะเป็นประการใด |
| บัดนั้น |
พิเภกผู้มีอัชฌาสัย |
| ได้ฟังบัญชาพระภูวไนย |
บังคมไหว้แล้วทูลกิจจา |
| อันซึ่งมืดมัวทั่งทิศ |
ด้วยความคิดทศพักตร์ยักษา |
| มันจะลอบยกโยธา |
ออกมาหักโหมโรมรัน |
|
จึ่งยกพิกลฉัตรชัย
|
บังไว้ซึ่งดวงพระสุริย์ฉัน |
| ฝ่ายเราไม่แลเห็นมัน |
กุมภัณฑ์เห็นทัพพระจักรี |
| ฉัตรนี้ของท้าวธาดาพรหม |
เป็นบรมอัยกายักษี |
| อานุภาพเลิศลบธาตรี |
มีไว้แต่ตั้งลงกา |
| ขอให้ทหารชาญชัย |
รีบไปหักฉัตรยักษา |
|
จะเห็นแจ้งซึ่งแสงสุริยา |
แม้นละไว้ช้าจะเสียการ |
อ่านหน้าที่
๒ |
|